ประวัติศาสตร์ไทย เริ่มขึ้นตั้งแต่การอพยพย้ายเข้ามาของกลุ่มคนพูดภาษาไท-ลาวจากถิ่นบรรพบุรุษ ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศจีนเดิม เข้ามายังดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ราวคริสต์ศตวรรษที่ 10 รัฐของชาวไทยที่มีความสำคัญตามยุคสมัย ได้แก่ อาณาจักรโยนกเชียงแสน อาณาจักรล้านนา อาณาจักรสุโขทัย อาณาจักรอยุธยา อาณาจักรธนบุรี และได้พัฒนามาเป็นสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ นับตั้งแต่ พ.ศ. 2325 เป็นต้นมา
ประเทศไทยเคยเผชิญกับการคุกคามในสมัยยุคล่าอาณานิคมของประเทศตะวันตก แต่ประเทศไทยสามารถรอดพ้นจากสภาวะดังกล่าวได้ และเป็นเพียงประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ไม่ตกเป็นอาณานิคมของชาติตะวันตก และหลังจากการปฏิวัติเพื่อเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง ในปี พ.ศ. 2475 ประเทศไทยยังคงอยู่ในช่วงที่ปกครองโดยรัฐบาลทหารเป็นส่วนใหญ่ จนกระทั่งอีกหลายสิบปีต่อมา ประเทศไทยจึงมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
นำมาจาก http://th.wikipedia.org/wiki
วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2552
การพะเลี้ยงปลาหางนกยูง
การเพาะเลี้ยงปลาหางนกยูงขั้นตอนที่ 1 เตรียมบ่อซีเมนต์ขนาด 1 - 4 ตรม. ระดับน้ำลึก 30 –50 ซม. ใส่พุ่มเชือกฟางตะกร้าหรือฝาชี เพื่อให้ลูกปลาใช้เป็นที่ปลาหลบซ่อนขั้นตอนที่ 2 คัดพ่อแม่ปลาสายพันธุ์เดียวกันที่ลักษณะดีสีสวยอายุประมาณ 4 –6 เดือน โดยคัดปลาเพศผู้ ลำตัวโต แข็งแรง ครีบหลัง ครีบหางใหญ่และแผ่กว้างสีเข้มสดใส สวยงาม ส่วนปลาเพศเมียคัดเลือกสายพันธุ์เดียวกันกับปลาเพศผู้ ลำตัวโต แข็งแรง ปราดเปรียว ครีบหางเข้มสดใส ปล่อยรวมกันในอัตรา 120 -180 ตัว/ลบ.ม. ในสัดส่วนเพศผู้ : เพศเมีย เท่ากับ 1:3 หรือ 1:4 ระหว่างการเพาะพันธุ์ให้ไรแดงเป็นอาหารในตอนเช้า และให้อาหารสำเร็จรูปในตอนเย็น ปลาเพศเมียที่ได้รับการผสมแล้ว จะเห็นเป็นจุดสีดำบริเวณท้องขั้นตอนที่ 3 หลังจากแม่ปลาได้รับการผสมพันธุ์ประมาณ 26 –28 วัน จะมีลูกปลาวัยอ่อนเกิดขึ้นและหลบซ่อนอยู่ตามวัสดุที่มาใส่ไว้ในบ่อให้รวบรวมลูกปลาออกทุกวันสะสมไว้ในบ่ออนุบาล ประมาณ 4-5 วัน/ บ่อ เพื่อให้ลูกปลามีขนาดใกล้เคียงกัน โดยปล่อยลูกปลาในอัตราความหนาแน่น 140-300 ตัว/ลบ.ม. ในระยะแรกให้ไรแดงเป็นอาหารในตอนเช้าและเย็นทุกวันเป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ หลังจากนั้นจึงให้อาหารสำเร็จรูป จนกระทั่งลูกปลามีอายุประมาณ 3 สัปดาห์ ซึ่งเป็นระยะที่เริ่มแยกเพศได้ โดยปลาเพศเมีย สังเกตจุดสีดำบริเวณรูเปิดช่องท้อง ส่วนปลาเพศผู้ เมื่อมองจากด้านบนมีรูปร่างเรียวยาวกว่าเพศเมียขั้นตอนที่ 4 คัดขนาดและแยกเพศปลา นำไปแยกเลี้ยงในบ่ออัตรา 200-300 ตัว/ลบ.ม.ให้กินไรแดงเป็นอาหารในตอนเช้าส่วนตอนกลางวันและตอนเย็นให้กินอาหารสำเร็จรูป เลี้ยงเป็นระยะเวลา 3 เดือน (ปลามีอายุประมาณ 4 เดือน)ขั้นตอนที่ 5 ปลาหางนกยูงอายุประมาณ 4 เดือน จะถูกคัดขนาดและคัดเลือกปลาที่แข็งแรงสมบูรณ์ เพื่อนำไปเลี้ยงไว้ในบ่อพักปลาเพื่อจำหน่ายต่อไป
นำมาจาก http://www.nicaonline.com
นำมาจาก http://www.nicaonline.com
เกี่ยวกับลีซอ
นายธีรเทพ เป็นบุตรของ นายเทพไชย วิโนทัย ผู้สื่อข่าวกีฬา หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ และ นางพรสมจิต วิโนทัย มีน้องชาย 1 คน คือ วัชรเทพ วิโนทัย จบการศึกษาชั้นอนุบาล ประถมศึกษา และ มัธยมศึกษาตอนต้น ที่ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย และจบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย จากโรงเรียนเบรนต์วูด เมืองเอสเส็กซ์ ประเทศอังกฤษ (Brentwood School, Essex, England)
เริ่มเล่นฟุตบอลครั้งแรก ตั้งแต่อายุ 8 ปี ขณะเรียนอยู่ชั้น ป.3 และมี อาจารย์ทองแดง หรุ่นขำ เป็นผู้สอนฟุตบอลท่านแรก ลงแข่งขันฟุตบอลนักเรียนของกองทัพอากาศ เป็นรายการแรก และได้รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 โดยต่อมา ได้นำทีมคว้าแชมป์ นอร์เวย์คัพ 3 สมัยซ้อน
เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2544 ได้เซ็นสัญญากับทีมชุดเยาวชนสโมสรฟุตบอลคริสตัลพาเลซ ต่อมาในปี พ.ศ. 2547 เซ็นสัญญากับทีมชุดเยาวชนสโมสรฟุตบอลเอฟเวอร์ตัน เป็นนักฟุตบอลเยาวชน 1 ใน 3 คน ที่ได้ร่วมโครงการ "ช้างไทยไปเอฟเวอร์ตัน"
ธีรเทพ วิโนทัย ร่วมทีมบีอีซี เทโรศาสนในฤดูกาล 2549 โดยใช้เวลาลงสนามถึง15นัดกว่าจะยิงประตูแรกให้ต้นสังกัดได้(บีอีซี เทโร 5-0 สุพรรณบุรี 13 พ.ค. 2549)จากนั้นก็เป็นกำลังสำคัญของทีมเรื่อยมา และยิงในลีกได้5ประตูหลังจบฤดูกาล2550
นอกจากนี้ นายธีรเทพ ยังเป็นนายแบบโฆษณาโทรศัพท์มือถือ วัน-ทู-คอล!, เป๊ปซี่, ไนกี้ และ ยาสีฟันใกล้ชิด อีกด้วย
ในปี พ.ศ. 2551 ธีรเทพ วิโนทัย ได้เซ็นสัญญาร่วมทีมเค. ลีร์เซ จากดิวิชั่น 2 ของเบลเยียม เป็นเวลา 1 ปีครึ่ง โดยจะเริ่มลงเล่นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552
นำมาจาก http://learners.in.th
เริ่มเล่นฟุตบอลครั้งแรก ตั้งแต่อายุ 8 ปี ขณะเรียนอยู่ชั้น ป.3 และมี อาจารย์ทองแดง หรุ่นขำ เป็นผู้สอนฟุตบอลท่านแรก ลงแข่งขันฟุตบอลนักเรียนของกองทัพอากาศ เป็นรายการแรก และได้รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 โดยต่อมา ได้นำทีมคว้าแชมป์ นอร์เวย์คัพ 3 สมัยซ้อน
เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2544 ได้เซ็นสัญญากับทีมชุดเยาวชนสโมสรฟุตบอลคริสตัลพาเลซ ต่อมาในปี พ.ศ. 2547 เซ็นสัญญากับทีมชุดเยาวชนสโมสรฟุตบอลเอฟเวอร์ตัน เป็นนักฟุตบอลเยาวชน 1 ใน 3 คน ที่ได้ร่วมโครงการ "ช้างไทยไปเอฟเวอร์ตัน"
ธีรเทพ วิโนทัย ร่วมทีมบีอีซี เทโรศาสนในฤดูกาล 2549 โดยใช้เวลาลงสนามถึง15นัดกว่าจะยิงประตูแรกให้ต้นสังกัดได้(บีอีซี เทโร 5-0 สุพรรณบุรี 13 พ.ค. 2549)จากนั้นก็เป็นกำลังสำคัญของทีมเรื่อยมา และยิงในลีกได้5ประตูหลังจบฤดูกาล2550
นอกจากนี้ นายธีรเทพ ยังเป็นนายแบบโฆษณาโทรศัพท์มือถือ วัน-ทู-คอล!, เป๊ปซี่, ไนกี้ และ ยาสีฟันใกล้ชิด อีกด้วย
ในปี พ.ศ. 2551 ธีรเทพ วิโนทัย ได้เซ็นสัญญาร่วมทีมเค. ลีร์เซ จากดิวิชั่น 2 ของเบลเยียม เป็นเวลา 1 ปีครึ่ง โดยจะเริ่มลงเล่นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552
นำมาจาก http://learners.in.th
Messi
ลีโอเนล เมสซี่ เกิดวันที่ 24 มิถุนายน 1987 ขณะอายุ 5 ขวบเค้าก็หัดเริ่มเล่นบอลแล้ว ในปี 1995 เมสซี่จึงไปเข้าสังกัด นีเวลล์ โอลด์ บอย ตอนนั้นเขาอายุ 11 ปี แต่เมสซี่มีปัญหาเรื่องการเจริญเติบโตของฮอร์โมนทำให้เขาคัวเล็กกว่าเด็กวัยเดียวกันมาก ขณะนั้น คาเรส เรซัคส์ สปอร์ตไดเรกเตอร์ของบาร์เซโลน่าก็ได้เห็นแววเจ้าหนูคนนี้ จึงยื่นข้อเสนอที่จะเซ็นสัญญาให้กับเค้า พร้อมกับจ่ายค่ายาในการรักษาตัวด้วย ถ้าเมสซี่ตกลงจะย้ายมาใช้ชีวิตใหม่ในสเปนกับบาร์ซ่า ตั้งแต่นั้นมาครอบครัวเมสซี่จึงย้ายไปอยู่ในสเปนกัน
-ปัจจุบัน เมสซี่ยังเป็นกำลังสำคัญของบาร์ซ่าในเกมรุกต่อไป โดยทั้งสื่อมวลชน และตำนานนักเตะทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น มาราโดน่า ต๊อตติ โยฮัน ครอยฟ์ โรนัลดินโญ่ ไรจการ์ด ฟรานซ์ เบ๊คเคนบราวน์ ต่างยกย่องว่าเจ้าหนูคนนี้จะเป็นักเตะเวิล์ดคลาสในไม่ช้านี้แน่
เมสซี่อาจจะไม่มีลีลาการสับขาหยอกสยองแบบหนูโด้ แต่สเต๊ปเท้าในการเปลี่ยนทางบอล บวกกับความเร็วในการลากเลื้อยของเค้านั้นสุดยอดจริงๆ ไปง่ายๆแต่เร็วและชัวร์ มีเซนส์ในการยิงบอลเยี่ยม สำหรับผมเวิลด์คลาสเมื่อไหร่ไม่รู้ครับ รู้แต่เพียงว่าถ้าตอนนี้ บาร์ซ่าเอะอะ คิดไรไม่ออกบอก เมสซี่ตลอดครับ! ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เมสซี่เป็นเทพคนใหม่ของบาร์ซ่าจริงๆ
นำมาจาก http://www.tlcthai.com
-ปัจจุบัน เมสซี่ยังเป็นกำลังสำคัญของบาร์ซ่าในเกมรุกต่อไป โดยทั้งสื่อมวลชน และตำนานนักเตะทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น มาราโดน่า ต๊อตติ โยฮัน ครอยฟ์ โรนัลดินโญ่ ไรจการ์ด ฟรานซ์ เบ๊คเคนบราวน์ ต่างยกย่องว่าเจ้าหนูคนนี้จะเป็นักเตะเวิล์ดคลาสในไม่ช้านี้แน่
เมสซี่อาจจะไม่มีลีลาการสับขาหยอกสยองแบบหนูโด้ แต่สเต๊ปเท้าในการเปลี่ยนทางบอล บวกกับความเร็วในการลากเลื้อยของเค้านั้นสุดยอดจริงๆ ไปง่ายๆแต่เร็วและชัวร์ มีเซนส์ในการยิงบอลเยี่ยม สำหรับผมเวิลด์คลาสเมื่อไหร่ไม่รู้ครับ รู้แต่เพียงว่าถ้าตอนนี้ บาร์ซ่าเอะอะ คิดไรไม่ออกบอก เมสซี่ตลอดครับ! ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เมสซี่เป็นเทพคนใหม่ของบาร์ซ่าจริงๆ
นำมาจาก http://www.tlcthai.com
แบดมินตัน
ประวัติของกีฬาแบดมินตันบันทึกได้แน่นอนในปี พ.ศ. 2413 ปรากฏว่ามีการเล่นกีฬาลูกขนไก่เกิดขึ้นที่เมืองปูนา (Poona) ในประเทศอินเดีย เป็นเมืองเล็กๆ ห่างจากเมืองบอมเปย์ประมาณ 50 ไมล์ โดยได้รวมการเล่นสองอย่างเข้าด้วยกันคือ การเล่นปูนาของประเทศอินเดีย และการเล่นไม้ตีกับลูกขนไก่ (Battledore Shuttle Cock) ของยุโรป ในระยะแรกๆ การเล่นจะเล่นกันเพียงแต่ในหมู่นายทหารของกองทัพ และสมาชิกชนชั้นสูงของอินเดีย จนกระทั่งมีนายทหารอังกฤษที่ไปประจำการอยู่ที่เมืองปูนา นำการเล่นตีลูกขนไก่นี้กลับไปอังกฤษ และเล่นกันอย่างกว้างขวาง ณ คฤหาสน์แบดมินตัน (Badminton House) ของดยุคแห่งบิวฟอร์ด ที่กล๊อสเตอร์เชอร์ ในปี พ.ศ. 2416 เกมกีฬาตีลูกขนไก่เลยถูกเรียกว่า แบดมินตัน ตามชื่อคฤหาสน์ของดยุคแห่งบิวฟอร์ดตั้งแต่นั้นมา
กีฬาแบดมินตันเริ่มแพร่หลายในประเทศแถบภาคพื้นยุโรป เพราะเป็นเกมที่คล้ายเทนนิส แต่สามารถเล่นได้ภายในตัวตึก โดยไม่ต้องกังวลต่อลมหรือหิมะในฤดูหนาว ชาวยุโรปที่อพยพไปสู่ทวีปอเมริกา ได้นำกีฬาแบดมินตันไปเผยแพร่ รวมทั้งประเทศต่างๆ ในทวีปเอเชียและออสเตรเลียที่อยู่ภายใต้อาณานิคมของอังกฤษ เนเธอร์แลนด์ ต่างนำเกมแบดมินตันไปเล่นยังประเทศของตนอย่างแพร่หลาย เกมกีฬาแบดมินตันจึงกระจายไปสู่ส่วนต่างๆ ของโลก รวมทั้งประเทศไทยด้วย
นำมาจาก http://www.tlcthai.com
กีฬาแบดมินตันเริ่มแพร่หลายในประเทศแถบภาคพื้นยุโรป เพราะเป็นเกมที่คล้ายเทนนิส แต่สามารถเล่นได้ภายในตัวตึก โดยไม่ต้องกังวลต่อลมหรือหิมะในฤดูหนาว ชาวยุโรปที่อพยพไปสู่ทวีปอเมริกา ได้นำกีฬาแบดมินตันไปเผยแพร่ รวมทั้งประเทศต่างๆ ในทวีปเอเชียและออสเตรเลียที่อยู่ภายใต้อาณานิคมของอังกฤษ เนเธอร์แลนด์ ต่างนำเกมแบดมินตันไปเล่นยังประเทศของตนอย่างแพร่หลาย เกมกีฬาแบดมินตันจึงกระจายไปสู่ส่วนต่างๆ ของโลก รวมทั้งประเทศไทยด้วย
นำมาจาก http://www.tlcthai.com
พระเยซู
พระเยซู หรือรู้จักในชื่อ เยซูแห่งนาซาเรธ (อังกฤษ: Jesus of Nazareth) (เกิดในค.ศ.ที่ 1) เป็นชาวยิวซึ่งเป็นศาสดาของคริสต์ศาสนา ชาวคริสต์เรียกเยซูแห่งนาซาเร็ธว่า พระเยซูคริสต์ (อังกฤษ: Jesus Christ) และถือว่าพระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด เป็นพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้า เป็นพระเจ้าเอง และเป็นหนึ่งในพระตรีเอกานุภาพ
คำว่า "เยซู" มาจากคำในภาษากรีกคือ "อิเอซูส" Ιησους [Iēsoûs] ซึ่งมาจากการถ่ายอักษรชื่อ Yeshua [เยชูวา] ในภาษาอาราเมกหรือฮีบรูอีกทอดหนึ่ง คริสตชนอาหรับเรียกเยซูว่า "ยาซูอฺ" ตามภาษาซีเรียค ส่วนชาวอาหรับมุสลิมเรียกว่า "อีซา" ตามอัลกุรอาน ความหมายคือ "ผู้ช่วยให้รอด" เป็นชื่อที่ใช้กันมากในหมู่ชาวยิวตั้งแต่สมัยโยชูวาเป็นต้นมา ภาษาละตินแผลงเป็นเยซูส ภาษาโปรตุเกสแผลงต่อเป็นเยซู ภาษาไทยทับศัพท์ภาษาโปรตุเกสมาจนทุกวันนี้
ส่วนคำว่า "คริสต์" เป็นสมญาซึ่งมาจากคำในภาษากรีกว่า "คริสตอส" Χριστός [Christos] ซึ่งเป็นคำแปลของคำภาษาฮีบรู Messiah อันหมายถึง "ผู้ได้รับการเจิม" ชาวอาหรับเรียกว่า "มะซีฮฺ" ซึ่งหมายถึงการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่สูงส่ง เช่น กษัตริย์มหาปุโรหิต ศาสดาประกาศก เป็นต้น
เมื่ออาณาจักรยูดาห์เสียแก่บาบิโลน ก็สิ้นกษัตริย์ที่ได้รับการเจิม ต่อจากนั้น ชาวยิวก็โหยหาพระเมสสิยาห์ที่จะมาสร้างอาณาจักรใหม่ของพระเจ้า
"คริสต์" จึงเป็นชื่อตำแหน่ง ไม่ใช่ชื่อตัว ผู้นิพนธ์พระวรสารชอบเรียกพระผู้ไถ่ว่า "เยซู" และเพื่อให้แตกต่างจากคนอื่นๆที่ชื่อเหมือนกัน ก็เรียกเป็น "เยซูชาวนาซาเร็ธ" หรือ "เยซูบุตรของโยเซฟ"
แต่นักบุญเปาโลหรืออัครทูตเปาโลชอบเรียกว่า "พระคริสต์" หรือ "พระเยซูคริสต์" ที่เรียกว่า "พระคริสต์เยซู" ก็มีบ้าง
นำมาจาก http://th.wikipedia.org/wiki
คำว่า "เยซู" มาจากคำในภาษากรีกคือ "อิเอซูส" Ιησους [Iēsoûs] ซึ่งมาจากการถ่ายอักษรชื่อ Yeshua [เยชูวา] ในภาษาอาราเมกหรือฮีบรูอีกทอดหนึ่ง คริสตชนอาหรับเรียกเยซูว่า "ยาซูอฺ" ตามภาษาซีเรียค ส่วนชาวอาหรับมุสลิมเรียกว่า "อีซา" ตามอัลกุรอาน ความหมายคือ "ผู้ช่วยให้รอด" เป็นชื่อที่ใช้กันมากในหมู่ชาวยิวตั้งแต่สมัยโยชูวาเป็นต้นมา ภาษาละตินแผลงเป็นเยซูส ภาษาโปรตุเกสแผลงต่อเป็นเยซู ภาษาไทยทับศัพท์ภาษาโปรตุเกสมาจนทุกวันนี้
ส่วนคำว่า "คริสต์" เป็นสมญาซึ่งมาจากคำในภาษากรีกว่า "คริสตอส" Χριστός [Christos] ซึ่งเป็นคำแปลของคำภาษาฮีบรู Messiah อันหมายถึง "ผู้ได้รับการเจิม" ชาวอาหรับเรียกว่า "มะซีฮฺ" ซึ่งหมายถึงการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่สูงส่ง เช่น กษัตริย์มหาปุโรหิต ศาสดาประกาศก เป็นต้น
เมื่ออาณาจักรยูดาห์เสียแก่บาบิโลน ก็สิ้นกษัตริย์ที่ได้รับการเจิม ต่อจากนั้น ชาวยิวก็โหยหาพระเมสสิยาห์ที่จะมาสร้างอาณาจักรใหม่ของพระเจ้า
"คริสต์" จึงเป็นชื่อตำแหน่ง ไม่ใช่ชื่อตัว ผู้นิพนธ์พระวรสารชอบเรียกพระผู้ไถ่ว่า "เยซู" และเพื่อให้แตกต่างจากคนอื่นๆที่ชื่อเหมือนกัน ก็เรียกเป็น "เยซูชาวนาซาเร็ธ" หรือ "เยซูบุตรของโยเซฟ"
แต่นักบุญเปาโลหรืออัครทูตเปาโลชอบเรียกว่า "พระคริสต์" หรือ "พระเยซูคริสต์" ที่เรียกว่า "พระคริสต์เยซู" ก็มีบ้าง
นำมาจาก http://th.wikipedia.org/wiki
ตำนานผีปอบ
ผีปอบ " มีต้นกำเนิดมาจากผู้ที่มีวิชา ไสยศาสตร์ มนต์ดำจนแก่กล้า สามารถใช้อำนาจอันเข้มขลังจากเวทมนตร์คาถาไปกระทำร้ายหรือทำลาย ชีวิตผู้อื่นได้ เช่น ทำ เสน่ห์ยาแฝด ฝังรูปฝังรอยเสกหนังควาย เสกตะปูเข้าท้อง หรือใช้มนตราบังคับวิญญาณ ภูตผีไปเข้าสิง วิชาไสยศาสตร์เหล่านี้มีข้อห้าม ข้อปฏิบัติกำกับอยู่ด้วย ผู้ที่มีวิชาอาคมทาง ไสยศาสตร์ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงระบุว่า เป็นเดียรฉานวิชา จะต้องระวังไม่ให้ละเมิดข้อห้าม ข้อปฏิบัติโดยเด็ดขาด หากกระทำผิดข้อห้าม ชาวอีสานจะเรียกกันว่า "คะลำ" จะเกิดโทษหนักในข้อ"ผิดครู" วิญญาณ บรมครู จะลงโทษ ให้กลายเป็นปอบ หรืออีกประการหนึ่งของผู้ที่กลายเป็นปอบก็คือ เล่นคาถาอาคมอย่างคลั่งไคล้ และใช้ความขลังแห่งวิชา มนต์ดำไปทำลาย ทำร้ายผู้อื่นอย่างไม่กลัว บาปกลัวกรรมกระทำชั่วเป็นอาจิณกรรม กระทั่งถูกอาถรรพณ์ของไสยเวทย์ย้อนกลับมาเข้าตัวเองกลายเป็นปอบไป ในที่สุด "ผีปอบ" ยังแบ่งออกเป็นหลายประเภท เช่น "ปอบ ธรรมดา" หมายถึง คนที่มีปอบสิงอยู่ในร่าง ( คือตนเองเป็นปอบ ) เมื่อคนประเภทนี้ตายไป ปอบที่สิงสู่อยู่ก็จะตายตามไปด้วย"ปอบเชื้อ" หมายถึง ครอบครัวใดพ่อแม่เป็นปอบเมื่อพ่อแม่ตายไปลูก หลานก็จะสืบทอดให้เป็นปอบ ต่อไป อีกประการหนึ่งเป็นกรรมพันธุ์ไม่ว่า จะเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม เรียกว่าเป็นปอบต่อเนื่องกันไปไม่รู้จบ"ปอบแลกหน้า" หมายถึง ปอบเจ้าเล่ห์ถนัดเอาความผิดไปโยนให้ผู้อื่น กล่าวคือ เวลาไปเข้า สิงใคร เมื่อถูกสอบถามว่ามีผู้ใดเลี้ยงหรือบังคับ ปอบ จะไม่บอกความจริงหากไปกล่าวโทษว่าเป็นคนนั้นคนนี้ โดยที่ผู้ถูกระบุชื่อ ไม่รู้เรื่อง รู้ราวอะไรเลย ปอบกักกึก (กึก ภาษาอีสานแปลว่า "ใบ้") หมายถึง ปอบที่ไม่ยอมพูดอะไรเวลามีคน ถาม จนกว่าญาติพี่น้องจะไปตามหมด ผีมาขับไล่ จึงจะยอมเปิดปากพูดว่าตนเป็นปอบของใครมีใครใช้ให้มา เข้าสิงแล้วแต่ความเชื่อนะคะผีปอบ " มีต้นกำเนิดมาจากผู้ที่มีวิชา ไสยศาสตร์ มนต์ดำจนแก่กล้า สามารถใช้อำนาจอัน
เข้มขลังจากเวทมนตร์คาถาไปกระทำร้ายหรือทำลาย ชีวิตผู้อื่นได้ เช่น ทำ เสน่ห์ยาแฝด ฝังรูปฝังรอยเสกหนังควาย เสกตะปู
เข้าท้อง หรือใช้มนตราบังคับวิญญาณ ภูตผีไปเข้าสิง วิชาไสยศาสตร์เหล่านี้มีข้อห้าม ข้อปฏิบัติกำกับอยู่ด้วย ผู้ที่มีวิชาอาคม
ทาง ไสยศาสตร์ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงระบุว่า เป็นเดียรฉานวิชา จะต้องระวังไม่ให้ละเมิดข้อห้าม ข้อปฏิบัติโดยเด็ดขาด
หากกระทำผิดข้อห้าม ชาวอีสานจะเรียกกันว่า "คะลำ" จะเกิดโทษหนักในข้อ"ผิดครู" วิญญาณ บรมครู จะลงโทษ ให้กลายเป็น
ปอบ หรืออีกประการหนึ่งของผู้ที่กลายเป็นปอบก็คือ เล่นคาถาอาคมอย่างคลั่งไคล้ และใช้ความขลังแห่งวิชา มนต์ดำไปทำลาย ทำร้ายผู้อื่นอย่างไม่กลัว บาปกลัวกรรมกระทำชั่วเป็นอาจิณกรรม กระทั่งถูกอาถรรพณ์ของไสยเวทย์ย้อนกลับมาเข้าตัวเอง
กลายเป็นปอบไป ในที่สุด "ผีปอบ" ยังแบ่งออกเป็นหลายประเภท เช่น "ปอบ ธรรมดา" หมายถึง คนที่มีปอบสิงอยู่ในร่าง
( คือตนเองเป็นปอบ ) เมื่อคนประเภทนี้ตายไป ปอบที่สิงสู่อยู่ก็จะตายตามไปด้วย
"ปอบเชื้อ" หมายถึง ครอบครัวใดพ่อแม่เป็นปอบเมื่อพ่อแม่ตายไปลูก หลานก็จะสืบทอดให้เป็นปอบ
ต่อไป อีกประการหนึ่งเป็นกรรมพันธุ์ไม่ว่า จะเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม เรียกว่าเป็นปอบต่อเนื่องกันไปไม่รู้จบ
"ปอบแลกหน้า" หมายถึง ปอบเจ้าเล่ห์ถนัดเอาความผิดไปโยนให้ผู้อื่น กล่าวคือ เวลาไปเข้า สิงใคร
เมื่อถูกสอบถามว่ามีผู้ใดเลี้ยงหรือบังคับ ปอบ จะไม่บอกความจริงหากไปกล่าวโทษว่าเป็นคนนั้นคนนี้ โดยที่ผู้ถูกระบุชื่อ ไม่รู้เรื่อง รู้ราวอะไรเลย ปอบกักกึก (กึก ภาษาอีสานแปลว่า "ใบ้") หมายถึง ปอบ
ที่ไม่ยอมพูดอะไรเวลามีคน ถาม จนกว่าญาติพี่น้องจะไปตามหมด ผีมาขับไล่ จึงจะยอมเปิดปากพูดว่าตนเป็นปอบของใครมีใครใช้ให้มา เข้าสิง
แล้วแต่ความเชื่อนะคะ
นำมาจาก http://www.zone-it.com
เข้มขลังจากเวทมนตร์คาถาไปกระทำร้ายหรือทำลาย ชีวิตผู้อื่นได้ เช่น ทำ เสน่ห์ยาแฝด ฝังรูปฝังรอยเสกหนังควาย เสกตะปู
เข้าท้อง หรือใช้มนตราบังคับวิญญาณ ภูตผีไปเข้าสิง วิชาไสยศาสตร์เหล่านี้มีข้อห้าม ข้อปฏิบัติกำกับอยู่ด้วย ผู้ที่มีวิชาอาคม
ทาง ไสยศาสตร์ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงระบุว่า เป็นเดียรฉานวิชา จะต้องระวังไม่ให้ละเมิดข้อห้าม ข้อปฏิบัติโดยเด็ดขาด
หากกระทำผิดข้อห้าม ชาวอีสานจะเรียกกันว่า "คะลำ" จะเกิดโทษหนักในข้อ"ผิดครู" วิญญาณ บรมครู จะลงโทษ ให้กลายเป็น
ปอบ หรืออีกประการหนึ่งของผู้ที่กลายเป็นปอบก็คือ เล่นคาถาอาคมอย่างคลั่งไคล้ และใช้ความขลังแห่งวิชา มนต์ดำไปทำลาย ทำร้ายผู้อื่นอย่างไม่กลัว บาปกลัวกรรมกระทำชั่วเป็นอาจิณกรรม กระทั่งถูกอาถรรพณ์ของไสยเวทย์ย้อนกลับมาเข้าตัวเอง
กลายเป็นปอบไป ในที่สุด "ผีปอบ" ยังแบ่งออกเป็นหลายประเภท เช่น "ปอบ ธรรมดา" หมายถึง คนที่มีปอบสิงอยู่ในร่าง
( คือตนเองเป็นปอบ ) เมื่อคนประเภทนี้ตายไป ปอบที่สิงสู่อยู่ก็จะตายตามไปด้วย
"ปอบเชื้อ" หมายถึง ครอบครัวใดพ่อแม่เป็นปอบเมื่อพ่อแม่ตายไปลูก หลานก็จะสืบทอดให้เป็นปอบ
ต่อไป อีกประการหนึ่งเป็นกรรมพันธุ์ไม่ว่า จะเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม เรียกว่าเป็นปอบต่อเนื่องกันไปไม่รู้จบ
"ปอบแลกหน้า" หมายถึง ปอบเจ้าเล่ห์ถนัดเอาความผิดไปโยนให้ผู้อื่น กล่าวคือ เวลาไปเข้า สิงใคร
เมื่อถูกสอบถามว่ามีผู้ใดเลี้ยงหรือบังคับ ปอบ จะไม่บอกความจริงหากไปกล่าวโทษว่าเป็นคนนั้นคนนี้ โดยที่ผู้ถูกระบุชื่อ ไม่รู้เรื่อง รู้ราวอะไรเลย ปอบกักกึก (กึก ภาษาอีสานแปลว่า "ใบ้") หมายถึง ปอบ
ที่ไม่ยอมพูดอะไรเวลามีคน ถาม จนกว่าญาติพี่น้องจะไปตามหมด ผีมาขับไล่ จึงจะยอมเปิดปากพูดว่าตนเป็นปอบของใครมีใครใช้ให้มา เข้าสิง
แล้วแต่ความเชื่อนะคะ
นำมาจาก http://www.zone-it.com
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)